รู้กันซะที! น้องพูม่า ที่แท้เป็นลูกใครกันแน่ ปีเตอร์ คอร์ป มีคำตอบสุดอึ้ง

 

เปิดใจเคลียร์ ชีวิต 2 ปีไร้งาน ถูกตราหน้าไอ้เลว พร้อมกระแสลือว่ากำลังจะหย่าอดีตภรรยา “พลอย พลอยพรรรณ ทวีรัตน์” สำหรับ “ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” หลังถูกโกระแสซเชียลโจมตี ถูกกล่าวหาว่ามีมือที่สาม และจากที่มีข่าวแรงหลุดออกมาว่า “น้องพูม่า” ไม่ใช่ลูกปีเตอร์ จนพลอยต้องโชว์ผลตรวจดีเอ็นเอแต่ในปีนี้ หนุ่มปีเตอร์เริ่มเห็นลู่ทางที่ดีในชีวิต ซึ่งล่าสุด รายการโหนกระแส วันที่ 3 ม.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 20.30 – 21.00 น. ทางช่อง 28 ได้เชิญหนุ่มปีเตอร์มาเคลียร์ปัญหาคาใจทุกเรื่อง

“(เลิกกับพลอยมา 2 ปีกว่า แต่เพิ่งมาหย่าเมื่อเดือน ก.ค. ปี 60) มันด้วยหลายๆ เหตุผล อย่างแรกคือมีปัญหาที่บ้านเสร็จปุ๊บ ก็เป็นการตัดสินใจที่ยากที่จะเดินออกมาจากบ้านทั้งที่มีลูก แต่การอยู่ด้วยกันต้องมีอะไรมากพอ การตัดสินใจแยกกันอยู่นิดหนึ่ง น่าจะดีกว่าอยู่ด้วยกัน รายละเอียดมีอะไรบ้างตอนนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว แต่ผมเชื่อและมั่นใจจนถึงตอนนี้ว่าการทิ้งช่วงตอนนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับลูก อันนี้คือสเต็ปแรก ทีนี้คนแต่งงานมีลูกในใจก็ต้องมีแอบหวังว่าสักวันต้องเคลียร์ได้ เราเจอกันแล้วแต่งงานค่อนข้างเร็ว มีอะไรหลายอย่างปรับเข้าหากันไม่ทัน และต้องขอเวลามากกว่านี้ การมีระยะกันนิดหนึ่งทำให้ทุกอย่างคลี่คลายได้ พอแยกออกมา พอผมถอยตัวออกมา จริงๆ ก็มีความหวังว่าอาจดีขึ้นก็ได้ แต่ในที่สุดก็พาไปอีกทางที่ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น การพูดคุยอะไรหลายๆ อย่างก็ส่งซิกซ์ว่าไปไม่รอด หลายๆ ประเด็น หลายๆ เหตุผล ในเมื่อมีชีวิตครอบครัวก็ควรใช้เวลาให้ถี่ถ้วน ซึ่งการหย่าไม่ใช่เรื่องที่แฮปปี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องดี แต่ผมคิดว่าสำหรับใครที่โตๆ กันแล้ว ดำเนินชีวิตด้วยเหตุและผล การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นอะไรที่ต้องนึกถึงลูกเป็นหลัก การที่เราอยู่กันไม่ได้จริงๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ทะเลาะกัน สร้างสถานการณ์ความกดดันรอบข้างตัว ที่ลูกรู้สึกแน่นอน การอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ดี มีผลร้ายกับลูก จะทำให้ลูกเป็นเด็กเก็บกด มีปมด้อย โตมาอาจไม่กล้าพูด เครียด มีปัญหา การแยกกันบางทีก็อาจเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดก็ได้สำหรับบางเคส ผมไม่ได้บอกว่าทุกเคสเหมือกัน แต่สำหรับผม มันเป็นช้อยส์ที่ลงตัวที่สุดสำหรับเด็ก”

“(ก่อนหย่ามีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน) มันมีหลายๆ เหตุผลแหละ บางอย่างขอไม่พูดถึงดีกว่า เพราะเราได้มีการเซ็นข้อตกลงกัน บางอย่างเราจะไม่พูดถึง แต่เอาเป็นว่าพอตกลงทุกอย่างกันได้ ก็โอเค ช่วงแรกอาจใช้เวลาในการปรับตัวนิดหนึ่ง แต่พอถึงช่วงนี้ทุกอย่างก็ราบรื่น ก็คุยกันได้ปกติมากขึ้น เมื่อก่อนอาจคุยกันยากหน่อย ด้วยอารมณ์เก่าที่ค้างอยู่ พอคุยกันก็อยู่ในโหมดทะเลาะกันง่าย มันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้มีอะไรก็คุยกันง่ายขึ้น ทุกวันนี้มีคุยกันแต่ไม่ได้โทร.คุยเรื่อยเปื่อย มันมีเรื่องจำเป็นต้องคุย ในเมื่อเราพูดถึงลูก จะทำยังไงให้ดีที่สุด ผมก็ต้องโทร.ปรึกษาเรื่องลูก มันมีเรื่องจำเป็นต้องคุยกันอยู่แล้วเป็นพ่อเป็นแม่ ทีนี้การได้คุยกันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับลูก ลูกเขาไม่ต้องรับรู้อะไรที่เป็นเนกาทีฟ จะได้เติบโตมามีชีวิตที่สดใสร่าเริง”

“ทุกวันนี้ลูกอยู่กับพลอยเป็นหลัก ผมจะพาลูกไปเล่นบ้าง ตามที่เราตกลง เราก็จะมีระบบเล็กน้อยทีเราเซตกันไว้ ผมก็ต้องทำงานด้วย ก็ไม่ได้เยอะเท่าที่ควรครับ จำนวนวันกี่วันก็อยู่ในข้อตกลง แต่เรามีลูก อยู่กับลูกกี่วันมันก็ไม่พออยู่แล้ว (หัวเราะ) ปี 61 ถือว่าเต็มอยู่นะครับเพราะผมมีร้องเพลงประกอบละครระเริงไฟ มีรับเล่นแรงเงาภาค 2 มีรายการทีวี ที่ผมจัดเอง กำลังจะออนแอร์ต้นปี จริงๆ แล้วมันมีหลายเหตุผล หลายสาเหตุ ที่ทำให้พาไปทางนั้น ถ้าผมเป็นเด็กใหม่ในวงการ ผมคงท้อตายไปแล้ว จริงๆ แล้วผมต้องบอกว่าการที่กระแสกลับเร็วขนาดนั้น มันด้วยหลายๆ อย่างที่ถูกปั่นไป สมมติข่าวออกมา อาจมีหัวข้อข่าวออกมาซึ่งมันขายข่าวอยู่แล้ว เนื้อข่าวอาจไม่มีอะไร แต่เขาตีความไปแล้วจากหัวข้อข่าว”

“ผมไม่ออกมาตอบเพราะมันเป็นเรื่องครอบครัว ในที่สุดถ้าผมพูดไป คนที่รับฟังและรับรู้ทั้งหมดคือลูก อาจไม่ใช่วันนี้ อาจจะอีก 5 ปี 10 ปี พอเล่นยูทูป เพื่อนก็มาล้อ การที่จะออกไปต่อยอดให้กับข่าวผมไม่เห็นด้วย แล้วการออกไปติว่าคนอื่นไม่ใช่นิสัยผม ผมว่าเป็นเรื่องครอบครัวที่ผมไม่พูดดีกว่า คือผมก็รู้อยู่แล้วด้วยเหตุผลที่ผมไม่ออกไปตอบโต้ ไม่ออกไปแก้ข่าว ข่าวมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เดี๋ยวนี้พอเป็นเรื่องของโซเชียล เมื่อก่อนมันแค่หนังสือพิมพ์ สมัยนี้ทุกอย่างเร็วมาก และทุกคนสามารถออกความคิดเห็นได้ในโซเชียล ทุกคนสามารถเข้าไปเขียนได้ พอคนมาเขียนเสร็จปุ๊บ ช่วงแรกๆ มีคนมาคอมเมนต์เบาๆ แต่พอผ่านไปมันก็แรงขึ้นๆ จนเหมือนภูเขาไฟที่ระเบิด จริงๆ ต้องบอกว่าผมอยู่ในวงการมานาน 20 กว่าปี ผมเข้าใจอยู่แล้วว่าการอยู่นิ่งๆ แบบนี้บางทีก็เสียเปรียบ ไม่ออกมาตอบโต้ ไม่ออกมาแก้ข่าวมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ สมัยนี้ข่าวออกปุ๊บต้องรีบแก้ให้เร็วอันนี้คือเทรนด์ แต่พอไม่ออกไปสร้างประเด็นและต่อยอดให้ข่าว ซึ่งก็ใช้เวลานานกว่าที่ผมคิด แต่ถ้าผมออกไปพูดอะไรมากกว่านี้ ผมคิดว่าหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องของคนอื่น สองแค่ทำให้ข่าวใหญ่ขึ้น สามทำให้ข่าวอยู่นานขึ้น สุดท้ายคนที่รับผลจากตรงนี้คือใคร ก็คือลูก”

“ก็ไม่เป็นไร เพราะในที่สุดมันก็อธิบายได้ง่ายๆ พอทุกอย่างเหมือนเป็นเทรนด์ช่วงหนึ่ง วันนี้ด่าปีเตอร์ไปหรือยัง ฉันด่าแล้วนะ (หัวเราะ) แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องราวระหว่างสองคนที่มีลูก เรื่องครอบครัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว พอออกไปข้างนอกก็มีคนเข้ามาช่วยตีความ หลายๆ เหตุผล กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา จริงๆ แล้วถ้าถูกถามผมก็อธิบายได้ ในเมื่อเขาพร้อมจะฟังผมก็พร้อมอธิบาย แต่จริงๆ มันเป็นเรื่องที่เกิดระหว่างสองคน มันไม่ใช่เรื่องที่ลูกควรรับฟัง เพียงแต่ว่าพอเป็นคนในวงการมันก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะผมไม่อธิบายหรือแก้ตัวอะไรทั้งนั้น มันกลายเป็นตีความว่าต้องแบบนี้แน่ๆ พอเป็นเนกาทีฟ ไม่ว่าผมทำอะไรก็แล้วแต่ กลายเป็นข่าวเนกาทีฟไปหมดเลย มันเป็นคลื่นอันหนึ่งที่รวมทุกอย่างในช่วงนั้นทีนี้ผ่านมาได้ยังไง ผมว่าตอนนั้นมีท้อมีอะไร แต่อยู่ๆ จะยอมแพ้ ไม่เดินต่อไม่ได้อยู่แล้ว มีลูกยังไงก็ต้องเดินต่อเพื่อลูก ทั้งๆ ที่คนด่าว่าคุณไม่รักลูก ปัญหาระหว่างพ่อแม่ที่ทำให้เราไม่ค่อยได้เจอลูก ทำให้ผมต้องถอยออกมาจากบ้าน แต่ก็คือเรื่องราวระหว่างสองคน ถ้าลูกมาถามสักวันผมก็พร้อมอธิบาย เพราะเขามีสิทธิ์รับรู้บางอย่าง กว่าเขาจะโตและแต่งงาน โลกมันก็ต้องเปลี่ยนไปเยอะ เราก็ต้องเตรียมการให้ลูกรับรู้โลกความเป็นจริงมันไม่ใช่เหมือนนิทาน ปัญหาระหว่างพ่อแม่ก็มี ปัญหากับคนข้างนอกก็มี เขาก็ควรรับรู้และเตรียมตัวอะไรหลายๆ อย่าง”

“(เรื่องหนึ่งค่อนข้างแรง ที่บอกว่าลูกคนหนึ่งไม่ใช่ลูกคุณ) ตอนนั้นทุกอย่างมันเป็นข่าวที่เดากันมา บางอย่างก็จะมีคนทักว่าต้องแบบนี้แน่ๆ เลย คนช่วยเดาเยอะมาก พอคนมาทักก็มีคนเข้ามาเสริม จริงๆ แล้วจังหวะนั้นเป็นเรื่องของจังหวะที่เป็นช่วงผมออกจากบ้าน แล้วคนตีความหลายๆ คนว่าต้องอย่างนี้ คนเขาก็ตีกันในข่าว ในไอจีผมก็มีการทะเลาะแบ่งพวก ซึ่งตอนนั้นทุกอย่างเป็นเรื่องใหญ่ไปหมดเลย มันมีหลายๆ อย่างที่เป็นการเดา มาเป็นข่าวเพราะสมัยนี้ใครๆ ก็เขียนให้เป็นข่าวได้ แค่เข้าไปทักในไอจีทักในโซเชียลมันก็เป็นข่าวขึ้นมาได้ ถามว่าโกธรไหม มันก็เหมือนกับที่ถามว่าผมท้อมั้ย มันก็มีอารมณ์ตรงนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าใครที่อยู่ในสถานการณ์นี้แบบมีสติหน่อยก็จะรู้อยู่แล้วว่าความจริงมีอะไรยังไงบ้าง เรื่องไม่พอใจ ไม่แฮปปี้ ตรงนั้นเป็นอารมณ์ตรงนั้น ตรงไหนทำใจอธิบายเหตุผลกับตัวเองได้ มันก็ปล่อยวางได้ จริงๆ ความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญมากกับทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ข่าวที่ผ่านมา ความเป็นจริงผมรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่ออกไปพูดเพราะมันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ข่าวก็มีเยอะแยะ ที่พี่หนุ่มทักก็เป็นอีกหนึ่งข่าว ยังมีอีกหลายๆ ข่าวที่มีการคาดเดาและตีความไปเรื่อยๆ  ผมมีลูกชาย 2 คนซึ่งน่ารักมาก อีกอย่างเวลาเราเข้าไปทัก บางคนเข้าไปคอมเมนต์ในโซเชียลคนอื่น ก็ตีความไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คิด แต่บางอย่างที่เป็นอะไรที่ดูแรงๆ ถูกยกมาเป็นข่าวใหญ่แน่นอน และสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้คู่นี้ได้ ใครก็ตามที่จะวิเคราะห์อะไรแบบนี้ก็อยากฝากไว้ว่าให้ลองคิดนิดหนึ่งการเข้าไปคอมเมนต์อะไรโดยที่เราไม่ได้รู้จริง ไม่มั่นใจ”

“ผมพูดแล้วครับ แต่ตอนนั้นไม่มีใครฟังผม รายการพี่ผมก็เคยพูด (หัวเราะ) แต่ไม่มีใครฟัง แล้วก็ด่าอย่างเดียว กลายเป็นว่าไม่ว่าผมจะพูดอะไร สุดท้ายผมก็กลายเป็นคนเลว ผมรู้ว่าความจริงเป็นอะไร ผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็นและรอได้ ผมเข้าใจโลกดีอยู่แล้ว ผมอยู่วงการบันเทิงมานาน เพราะฉะนั้นผมรู้ดีอยู่แล้วว่าถ้าใจเย็นสักวันผมจะได้พูด ตอนนั้นพูดอะไรไปไม่มีใครฟังผมแน่นอน ซึ่งพอผ่านไป 2 ปีกว่า รายการที่ออนแอร์ ที่ผมถ่ายไว้ปีสองปี เราก็ได้ออกไปพิสูจน์เราถ่ายรายการมาเกือบทุกโซนของประเทศไทยแล้ว โดยที่เราออกไป เราไปสัมผัสคนอยู่ในหมู่บ้าน คนร่วมขี่ขบวนกับผมน่าจะมีเกือบพันคัน และทุกคนที่ได้ร่วมรายการกับผมก็ได้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าว ทุกคนเห็นการถ่ายทำ ก็เห็นชัดเจนว่าไม่ได้จู๋จี๋กัน”

“เรื่องที่ผ่านมา ประวัติการทำงานผม ก็มีทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่มันแย่ แต่ว่าความตั้งใจที่จะเดินต่อไปมันมีตลอดเวลาคือลูกนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมยังไงก็ไม่ท้อ ไม่ถอย ยังไงก็ต้องเดินต่อไป ใครที่เป็นแฟนๆ ก็ขอบคุณมากที่สนับสนุนและให้กำลังใจผมตลอดเวลา ปีหน้าได้เห็นผมทั้งปีแน่นอนครับ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา :  รายการโหนกระแส

Facebook Comments Box