เอาแล้ว! คิตตี้ถอนเงินไป 8 หมื่น พอรู้เหตุผลถึงกับอึ้ง มีคนหลงรักนางโอนมาให้

ไทด์ เอกพันธ์ แจ้งความหลังพบว่าเงินบัญชีช่วยเหลือ “กิตติ ดัสกร” ถูกเบิกหายไปถึง 80,000 บาท แบบไม่ทราบวัตถุประสงค์ ด้าน “คิตตี้” อดีตภรรยายอมรับเป็นคนเบิกไปเอง

(10 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ไทด์ เอกพันธ์ นักแสดงและจิตอาสาคนดังได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.พันธ์พัฒน์ เศษบุบผา ร้อยเวร สภ.ไทรน้อย หลังจากตรวจสอบบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเมืองปทุมธานี ชื่อบัญชี นายกิตติ กลิ่นเกลี้ยง หรือ กิตติ ดัสกร น้องชายดาวร้ายในละคร ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ มีบุคคลแอบอ้างถอนเงินออกจากบัญชีไป 80,000 บาท โดยไม่ทราบสาเหตุ

โดยเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินมาจากการเปิดรับบริจาคช่วยเหลือ กิตติ ดัสกร ที่ประชาชนต่างโอนบริจาคเข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับอาการป่วย ทำให้ ไทด์ เอกพันธ์ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นผู้ถอนเงินไป และนำเงินก้อนดังกล่าวไปใช้ในวัตถุประสงค์อะไร

ไทด์ เอกพันธ์ เปิดเผยว่า เงินในบัญชีของ กิตติ ดัสกร ถูกเบิกออกไปครั้งละ 20,000 บาท จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 80,000 บาท แต่ก็ไม่ทราบว่านำเงินก้อนนี้ไปทำอะไร แต่ทาง นางสาวคิตตี้ อดีตภรรยา บอกว่าได้รับอนุญาตให้นำเงินนี้ไปลงทุน และยังอ้างว่ามีผู้ชายที่หลงรักโอนเงินมาให้ ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีการโอนเงินที่อ้างนั้นเข้ามาให้นางสาวคิตตี้ มีแต่เพียงเงินบริจาคจากประชาชนที่ส่งมาช่วยเหลืออาการป่วยเท่านั้น

ทั้งนี้ ไทด์ เอกพันธ์ เป็นกังวลว่า ในอนาคตข้างหน้าหากปล่อยไว้เช่นนี้ เงินก้อนดังกล่าวอาจจะนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และทำให้ กิตติ ดัสกร ไม่ได้รักษาตัวไปด้วย จึงได้เข้าแจ้งความเอาไว้ดังกล่าว เพื่อให้นางสาวคิตตี้นำเงินกลับมาคืน ส่วนเงินบริจาคนั้นจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ กิตติ ดัสกร เป็นผู้ดูแลต่อไป

ขณะที่ทางด้าน นางสาวคิตตี้ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้เบิกเงินส่วนดังกล่าวไปจริง เพราะเอาไปให้ผู้ชายคนหนึ่งที่เคยติดหนี้เพราะเคยโอนยืมกันมา เป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊กแต่ไม่สามารถระบุชื่อได้ เนื่องจากเกรงว่าอีกฝ่ายจะเดือดร้อน และเงินก้อนนี้ตนจะหามผ่อนคืนให้เดือนละ 5,000-10,000 บาท หลังจากนี้จะไปทำงานอยู่ที่หัวหิน

นอกจากนี้ นางสาวคิตตี้ ชี้แจงว่าเงินจำนวนนี้นำไปเป็นค่าเล่าเรียนของลูก และค่าใช้จ่ายประจำวัน พร้อมขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว หากมีการดำเนินคดีความกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากต้องรอสอบปากคำ กิตติ ดัสกร เจ้าของบัญชีเสียก่อนว่ายินยอมหรือไม่ เนื่องจากทั้ง 2 คนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและมีบุตรด้วยกัน เคยใช้ชีวิตด้วยกัน ต้องอยู่กับผู้เสียหายว่าจะประสงค์ดำเนินคดีหรือไม่

Facebook Comments Box