มันใช่หรอ! พระตุ๊ด โพสต์รูปกินของหรู อวดลิปสติกสีชมพู อาหารเสริม น้ำหอม และอยากเป็นเมียพี่หมื่น

เสื่อมศาสนาผ้าเหลืองมัวหมองอีกแล้ว เพราะอยู่ๆ ชาวเน็ตต่างพากันกดแชร์สนั่นโลกโซเชี่ยลฯ เหตุเพราะพระรูปหนึ่ง ที่ดูท่าทางตุงติงไม่ใช่ชายแท้ หรือที่ใครๆ มักจะเรียกพระลักษณะนี้ว่า “หลวงเจ๊


ที่ได้โพสต์รูปต่างๆ ที่ดูไม่สมควรผิดวินัยอย่างรุนแรงในความเป็นพระสงฆ์ ทั้งการโพสต์รูปลิปสติก อาหารเสริม น้ำหอม หรือโพสต์การไปกินอาหารแพงๆ หรือโพสต์แม้กระทั่งกำลังดูละครบุพเพสันนิวาส และขึ้นสเตตัสว่า “พี่ขุนของเมียจ๋า เมียเฝ้ารอพี่ขุนมาเนินนานแล้ว” ซึ่งทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าพระรูปนี้กำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

ซึ่งจริงๆ แล้วพระสงฆ์ลักษณะแบบนี้ในบ้านเรามีอยู่มาก แต่ก็กำจัดกวาดล้างไปไม่หมดเสียที โดยทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารพยานบุคคล รูปภาพ ข้อความ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์สามเณรทั่วประเทศ เบื้องต้นมีการประสานกองบังคับการปราบปราม

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และหน่วยงาน อื่นๆ เก็บข้อมูล เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น ทั้งนี้ จากข่าวดังกล่าว จึงเกิดคำถามในโลกออนไลน์ว่า หากมีกรณีที่พบเห็นบุคคลที่มีจิตเบี่ยงเบน รักเพศเดียวกัน ที่เรียกว่าเป็น “พระตุ๊ด-พระเกย์” ซึ่งทุกวันนี้เห็นมากตามสังคมออนไลน์ ในเรื่องนี้จะมีกฎในการควบคุมอย่างไร ทางทีมข่าว จึงขอหยิบยก คำชี้แจงของ “พระรัชพล ปภาโต” มาอธิบายประเด็นดังกล่าว ซึ่งท่านได้ชี้แจงไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

อาตมาได้รับคำถามจากหลายท่านอยู่บ่อยๆ ในทำนองว่าคนที่เป็นชายไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีใจสับสน เช่นกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง หรือพวกคนสองเพศ หรือบางทีก็เรียกว่าเกย์ ภาษาไทยเราเรียกว่า “กะเทย” คนพวกนี้บวชได้ไหม?

อาตมาได้ชี้แจงว่า ตามพระวินัยกล่าวไว้ว่าบวชไม่ได้ แม้บวชแล้วก็ไม่เป็นพระหรือเณร รู้เมื่อไรก็ให้เขาสึกเสีย ถ้าเขามีศรัทธาก็ให้เขานุ่งขาวห่มขาวรักษาสิกขาบท ๕ – ๘ หรือรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ก็จะเกิดกุศลมหาศาล เป็นเหตุเป็นปัจจัยในภายภาคหน้าต่อไป เขาก็เล่าให้ฟังว่า เห็นมีบวชกันอยู่ทั่วไปในที่ต่างๆ บางแห่งอยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี อาตมาก็บอกว่า

นั่นเพราะว่าอุปัชฌาย์ไม่ทราบ หรือผู้ที่บวชไม่ทราบประเพณีของวินัยของพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่เมื่อทราบก็ต้องชี้แจงให้เขาได้รับรู้ ให้เขาสึกเสียหรือสร้างกุศลกรรมอย่างอื่นยังมีทางที่ก่อให้เกิดบุญกุศลมากมาย แต่ถ้าเขายังฝืนอยู่ในธรรมวินัยนี้มีแต่เสื่อม และเป็นบาปมากๆ เมื่อพระภิกษุผู้มีศีลต้องกราบไหว้หรือทำสามีจิกรรมเขาในเวลาเมื่อเข้าร่วมทำสังฆกรรมกับหมู่พระภิกษุ นอกจากจะทำสังฆกรรมให้วิบัติ บวชพระไม่เป็นพระ ทำสังฆกรรมเป็นคณะปูรกะ ทำให้กรรมกำเริบคือเสียใช้ไม่ได้อีกด้วย

ขขข

 

เสื่อมศาสนาผ้าเหลืองมัวหมองอีกแล้ว เพราะอยู่ๆ ชาวเน็ตต่างพากันกดแชร์สนั่นโลกโซเชี่ยลฯ เหตุเพราะพระรูปหนึ่ง ที่ดูท่าทางตุงติงไม่ใช่ชายแท้ หรือที่ใครๆ มักจะเรียกพระลักษณะนี้ว่า “หลวงเจ๊


ที่ได้โพสต์รูปต่างๆ ที่ดูไม่สมควรผิดวินัยอย่างรุนแรงในความเป็นพระสงฆ์ ทั้งการโพสต์รูปลิปสติก อาหารเสริม น้ำหอม หรือโพสต์การไปกินอาหารแพงๆ หรือโพสต์แม้กระทั่งกำลังดูละครบุพเพสันนิวาส และขึ้นสเตตัสว่า “พี่ขุนของเมียจ๋า เมียเฝ้ารอพี่ขุนมาเนินนานแล้ว” ซึ่งทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่าพระรูปนี้กำลังทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร

ซึ่งจริงๆ แล้วพระสงฆ์ลักษณะแบบนี้ในบ้านเรามีอยู่มาก แต่ก็กำจัดกวาดล้างไปไม่หมดเสียที โดยทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารพยานบุคคล รูปภาพ ข้อความ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์สามเณรทั่วประเทศ เบื้องต้นมีการประสานกองบังคับการปราบปราม

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และหน่วยงาน อื่นๆ เก็บข้อมูล เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น ทั้งนี้ จากข่าวดังกล่าว จึงเกิดคำถามในโลกออนไลน์ว่า หากมีกรณีที่พบเห็นบุคคลที่มีจิตเบี่ยงเบน รักเพศเดียวกัน ที่เรียกว่าเป็น “พระตุ๊ด-พระเกย์” ซึ่งทุกวันนี้เห็นมากตามสังคมออนไลน์ ในเรื่องนี้จะมีกฎในการควบคุมอย่างไร ทางทีมข่าว จึงขอหยิบยก คำชี้แจงของ “พระรัชพล ปภาโต” มาอธิบายประเด็นดังกล่าว ซึ่งท่านได้ชี้แจงไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

อาตมาได้รับคำถามจากหลายท่านอยู่บ่อยๆ ในทำนองว่าคนที่เป็นชายไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีใจสับสน เช่นกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง หรือพวกคนสองเพศ หรือบางทีก็เรียกว่าเกย์ ภาษาไทยเราเรียกว่า “กะเทย” คนพวกนี้บวชได้ไหม?

อาตมาได้ชี้แจงว่า ตามพระวินัยกล่าวไว้ว่าบวชไม่ได้ แม้บวชแล้วก็ไม่เป็นพระหรือเณร รู้เมื่อไรก็ให้เขาสึกเสีย ถ้าเขามีศรัทธาก็ให้เขานุ่งขาวห่มขาวรักษาสิกขาบท ๕ – ๘ หรือรักษากุศลกรรมบถ ๑๐ ก็จะเกิดกุศลมหาศาล เป็นเหตุเป็นปัจจัยในภายภาคหน้าต่อไป เขาก็เล่าให้ฟังว่า เห็นมีบวชกันอยู่ทั่วไปในที่ต่างๆ บางแห่งอยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี อาตมาก็บอกว่า

นั่นเพราะว่าอุปัชฌาย์ไม่ทราบ หรือผู้ที่บวชไม่ทราบประเพณีของวินัยของพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่เมื่อทราบก็ต้องชี้แจงให้เขาได้รับรู้ ให้เขาสึกเสียหรือสร้างกุศลกรรมอย่างอื่นยังมีทางที่ก่อให้เกิดบุญกุศลมากมาย แต่ถ้าเขายังฝืนอยู่ในธรรมวินัยนี้มีแต่เสื่อม และเป็นบาปมากๆ เมื่อพระภิกษุผู้มีศีลต้องกราบไหว้หรือทำสามีจิกรรมเขาในเวลาเมื่อเข้าร่วมทำสังฆกรรมกับหมู่พระภิกษุ นอกจากจะทำสังฆกรรมให้วิบัติ บวชพระไม่เป็นพระ ทำสังฆกรรมเป็นคณะปูรกะ ทำให้กรรมกำเริบคือเสียใช้ไม่ได้อีกด้วย

ขขข

 

Facebook Comments Box