ข้อปฏิบัติหน้าที่ของนายจ้าง-ลูกจ้าง กรณีส่งลูกจ้างเข้ารักษาสุขภาพของระบบประกันสังคม

รายงานข่าวจาก สำนักงานประกันสังคม เปิดเผยหลักการปฏิบัติและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างว่า หน้าที่ของนายจ้างในการส่งลูกจ้างเข้ารักษาสุขภาพนั้น มี 4 ข้อควรปฏิบัติ คือ

1.นายจ้างต้องแน่ใจว่าลูกจ้างประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยด้วยโรคเนื่องจากการทำงานจริง

2.ให้นายจ้างกรอกข้อความในแบบส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาล (กท.44) ซึ่งชุดหนึ่งมี 2 แผ่น โดยให้ลูกจ้างนำไปแสดงต่อโรงพยาบาลที่เข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลที่สำนักงานกองทุนเงินทดแทนทำความตกลงไว้

3.ให้นายจ้างส่งสำเนาแบบ กท.44 ไปยังสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา พร้อมแบบแจ้งการประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย (กท.16) และใบรับรองแพทย์

4.ในการส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาตามแบบ กท.44 หากภายหลังสำนักงานกองทุนเงินทดแทนหรือสำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา วินิจฉัยว่าลูกจ้างไม่มีสิทธิรับเงินทดแทน นายจ้างผู้ส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษา จะต้องรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่สถานพยาบาล ที่ให้การรักษาแก่ลูกจ้างนั้นเอง

ขณะที่หน้าที่ของลูกจ้างผู้ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานนั้น 1. ต้องรีบแจ้งนายจ้างทันทีที่ประสบอันตราย แม้จะเป็นการประสบอันตรายเพียงเล็กน้อยก็ต้องแจ้ง เพราะอาจจะมีอาการกำเริบมากขึ้นได้ในภายหลัง 2. กรอกข้อความหรือตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้อง และลงลายมือชื่อในแบบแจ้ง การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย (กท.16) ในส่วนของลูกจ้าง 3. ต้องรักษาพยาบาลกับแพทย์ปัจจุบันชั้น 1 4. ถ้าลูกจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนแล้ว ให้รีบนำใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลมาเบิกคืนจากสำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา แล้วแต่กรณี

5.หากลูกจ้างได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าลูกจ้างจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ในการทำงาน ให้ไปติดต่อสมัครเข้ารับการฟื้นพูฯ ได้ที่ศูนย์พื้นฟูสมรรถภาพคนงาน หรือที่สำนักงานกองทุนเงินทดแทน หรือสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกจังหวัด

6.ในกรณีที่มีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นภายหลังการสิ้น และสภาพการเป็นลูกจ้าง ให้ลูกจ้างยื่นคำร้องขอรับเงินทดแทน (กท.16) ได้ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ทราบการเจ็บป่วย

Facebook Comments Box